วันอังคารที่ 23 - วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2553
ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมแกนนำต้อง ด้วย คำตอบง่ายๆ ค่ะ เด็กๆแกนนำเยาวชนในโครงการศึกษาธรรมชาติโดยศิลปวิธีของเราจำนวนมากไม่เคยไปทะเลมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนเวลาลงเรือออกทะเล ก็คือ อาการเมาเรือและอีกจำนวนมากที่ไม่คุ้นเคยกับการนั่งรถไกลเพราะฉะนั้นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนเวลาขึ้นรถ ก็คือ อาการเมารถก็เลยเป็นที่มาของชื่อ "แกนนำเมาแล้ว...ที่หมู่เกาะชุมพร" เพราะสามารถเมาได้ตลอดทางตั้งแต่ออกจากโรงเรียนจนถึงกลับโรงเรียนเลย
และก็เป็นจริงดังคาด จากการสอบถามพี่ๆ ทีมกิจกรรม ก็ได้ความว่า อ้วกแตก กันเป็นระยะๆ แต่แกนนำทุกคนสู้ไม่ถอย ไหนๆ มีโอกาสดีแล้ว อุปสรรคใดๆ ก็ไม่สามารถขวางกั้นความอยากเรียนรู้และอยากไปทะเลได้
วันแรกที่ไปถึงที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร "พี่เปรี้ยว" เจ้าหน้าที่สื่อความหมายแสนดีของเราก็รอต้อนรับน้องๆ อยู่พร้อมพี่วิทยากรที่มาให้ความรู้ความเข้าใจถึงพื้นที่นี้ก่อน ก่อนที่แกนนำจะตะลุยไปตามพื้นที่ต่างๆ ตามลักษณะภูมิประเทศทางนี้ก็จะเป็นป่าชายเลน และผืนน้ำทะเลฝั่งอ่าวไทย มีเกาะน้อยใหญ่มากมาย มีปะการัง ปลาแมงกะพรุน ดาวทะเล และที่เป็นเป้าหมายของเด็กหลายคนคือ อยากเห็น "นีโม" ปลาการ์ตูนชื่อดังที่พี่ๆ ทีมกิจกรรมไปโฆษณาเอาไว้
หลังจากที่พี่เปรี้ยวและทีมวิทยากรได้จบการบรรยาย น้องๆ ก็เข้าทำกิจกรรมฐานเรียนรู้ป่าชายเลน ลงไปเก็บฝักของโกงกางเพื่อเอาไปปลูกในพื้นที่ที่ต้องการฟื้นฟูกัน เลอะโคลนกันสนุกสนานแล้วก็อาบน้ำล้างตัวเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยด้วยเรือคยัค ล่องน้ำเข้าคลองผ่านป่าโกงกางกันเป็นที่ตื่นเต้นเร้าใจ เพราะหลายคนพายยังไม่คล่อง ก็มีอันต้องเอาหัวเรือไปจิ้มตลิ่งอยู่เป็นพักๆ กว่าจะกลับออกจากคลองออกมาได้ ก็หอบแฮ่กแต่สนุก เด็กๆ เค้าว่างั้น
ล่วงเข้าวันต่อมา "นีโม" ที่รอคอย ก็ได้สมหวัง อันนี้ต้องถามน้องปลานิล หนึ่งในแกนนำของเรา ได้ความมาว่าตอนที่ลงดำน้ำไปเพื่อจะไปดูบ้านของนีโม (อะนีโมน-ดอกไม้ทะเลที่เป็นที่อยู่อาศัยของปลาการ์ตูน ที่เด็กๆ เรียกกันว่า "นีโม" ตามหนังการ์ตูน) พอจะเข้าไปใกล้ เจ้าปลาการ์ตูนเจ้าของบ้านคงเห็นคนแปลกหน้าไม่รู้จัก มันเลยว่ายออกมาชนน้องปลานิล ไล่ให้ไปห่างๆ ทำให้ปลานิลต้องว่ายหนี เพราะกลัวนีโม จะกัด เป็นประสบการณ์ใหม่ของน้องปลานิลที่ถูกนีโมไล่
และถึงแม้ว่าแกนนำของเราจะเมาเรือกันหลายคน แต่พอถึงจุดดำน้ำตื้นแต่ละที่ก็ลงกันทุกคนไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้อาการเมาเรือกันเลย เพราะสิ่งต่างๆที่ได้เห็นเป็นสิ่งใหม่และชวนให้ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา พี่เปรี้ยวเล่าว่า ตอนแรกตั้งใจจะดูอาการน้องๆ ก่อนว่าไหวมั๊ย ถ้าไม่ไหวก็อาจจะลงแค่ 2 จุด คือ เกาะลังกาจิว และเกาะหลักแรด แต่ถ้าดูแล้วได้อีก พี่เปรี้ยวจะพาไปเกาะมาตราและเกาะละวะ และสปิริตแรงกล้าของน้องๆ ก็ทำให้ได้ไปครบทั้ง 4 เกาะ (แต่ละเกาะไม่ไกลกันมากและไม่ไกลจากฝั่งมากด้วยค่ะ) พอตกเย็นกลับมา คืนนั้น พี่ๆ ทีมกิจกรรมให้น้องๆ สรุปสิ่งที่ได้ไปเห็นมาด้วยการ ทำป้ายทะเลชุมพร และฉีกกระดาษเป็นรูปสิ่งมีชีวิตที่ไปเห็นมาแล้วแปะขึ้นป้าย ออกมาสวยงามมากๆ เลยค่ะ
และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง น้องๆ พูดคุยขอบคุณพี่เปรี้ยวและทีมวิทยากรที่ช่วยดูแลและให้ความรู้ตลอด 3 วันที่ผ่านมา และต้องกราบขอบพระคุณไปทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร หัวหน้าไพโรจน์ หอมช่วย อย่างสูงสำหรับความอนุเคราะห์ความสะดวกต่างๆ เพื่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ในครั้งนี้ ในวันสุดท้ายที่เด็กๆ เดินทางกลับ ได้แวะไปกราบอนุสรณสถานของพลเรือเอก พระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และเยี่ยมชมเรือรบหลวงที่แสดงอยู่ในบริเวณนั้นด้วย และที่หมายอีกที่หนึ่งก็คือ การไปขอดูงาน "ศูนย์เพลิน" ของชุมพรคาบาน่ารีสอร์ท ซึ่งได้จัดพื้นที่ในการเรียนรู้วิถีเศรษฐกิจพอเพียง ตกบ่ายจึงเดินทางกลับโรงเรียนสินแร่สยามกัน และมาสรุปการเรียนรู้กับทริปครั้งนี้อีกทีในวันรุ่งขึ้นก็เป็นอันปิดกิจกรรมแกนนำในปีการศึกษา 2552 ก่อนที่จะไปเจอกันอีกทีกับแกนนำบางคนที่ยังเรียนอยู่ต่อที่โรงเรียนสินแร่สยามในปีการศึกษาต่อไป และแกนนำอีกหลายคนที่จบ ป.6 และต้องไปเรียนต่อโรงเรียนในอำเภอ แต่ก็ยังแวะเวียนมาพบปะและร่วมทำกิจกรรมได้ต่อเนื่องค่ะ |