ณ เกาะเทโพ - ห้วยแม่ดี จ.อุทัยธานี
วันจันทร์ที่ 23 - วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553
สถานที่เปิดใหม่สำหรับการเรียนรู้ของเด็กๆ ในครั้งนี้ มูลนิธิฯ พาไปรู้จักกับภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน (แล้วแต่ใครจะเรียกค่ะ)
แถมไปด้วยกันคราวนี้ มีเด็กผู้ชายแค่ 16 คนเอง มีเด็กผู้หญิงตั้ง 3 คน! โอ้ว ขึ้นรถตู้ก็สนุกแล้วค่ะ โฮ่ โฮ่
วินนี่ ขิง ข้าว แท๊กทีมกันเป็นเกริล์แก๊งค์เรียบร้อยโรงเรียนกระต่ายเลยเชียว
เริ่มที่แรก เป้าหมายอยู่ที่เกาะเทโพ อ.เมือง จ.อุทัยธานี เกาะน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (แหล่งข้อมูลบอกมาอย่างงั้น)
เด็กๆ ได้เห็นเรือลำเล็กๆ ที่ชาวบ้านออกหาปลาแว่บๆ ผ่านตาตอนเอารถตู้ลงแพข้ามฝั่ง
พอถึงที่พัก เลยได้ไปเห็นของจริง วิถีจริงๆ ที่คุณตาปราชญ์ชาวบ้าน 2 ท่าน ผสมสูตรอาหารเฉพาะสำหรับใช้เป็นเหยื่อล่อกุ้งแม่น้ำ
และปลาแม่น้ำ เด็กๆ ได้ลองปั้นอาหารจริงๆ ได้กลิ่นจริงๆ (แรงมากค่ะ ขอบอก เด็กๆ หลายคนถึงกับ ยี้!)
เกาะเทโพมีทำเลอยู่ระหว่างแม่น้ำสะแกกรังและแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำทั้ง 2 สายเป็นสีแดงทั้งคู่ คุณลุงหมูแห่งริมนทีโฮมสเตย์
บอกว่า แสดงว่าน้ำจากบนภูเขาลงมาถึงสะแกกรังแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นสะแกกรังจะใสเลยเชียว ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาก็ขุ่นขึ้นอีกเล็กน้อย
บ่ายวันนั้น ก็ลงล่องแม่น้ำกันก่อนที่จะกลับขึ้นมาปั้นกำยานกันที่แพริมน้ำ ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนระดับต้นๆ ของที่นี่เลยก็ว่าได้
ซึ่งกำยานนี้ เป็นส่วนผสมที่ได้มาจากธรรมชาติ คือ ผงไม้จันทร์ ที่เป็นพื้นฐานที่ให้กลิ่นหอม แล้วผสมด้วยผงจากต้นกันเกรา
เป็นตัวที่ช่วยผสานให้ยึดเกาะได้เป็นก้อน ปลายแหลมๆ ของทุกชิ้นที่เด็กปั้น จะช่วยให้การเผาของกำยานเป็นไปได้ง่ายขึ้น
พอเด็กๆ ปั้นเสร็จแล้ว ก็ลำบากตอนล้างมือกันเลยค่ะ เพราะยางกันเกรามันยึดเกาะผิวได้ดีเชียว
ตลอดเวลาของการทำกิจกรรมของเด็กๆ ฝนฟ้าเป็นใจมาก เทวดารักเด็กค่ะ พอเด็กๆ อยู่เล่นกลางแจ้ง ฟ้าก็แจ้งด้วย
พอเด็กเข้าร่ม ก็มีฝนปรอยๆ ให้ชื่นใจ
วันรุ่งขึ้น ก็ได้เวลาของการไปตะลุยสำรวจถ้ำทั้งที่ หุบป่าตาด และที่ถ้ำพุหวาย ยกให้เป็นวันของธรณีและนิเวศน์ในถ้ำเต็มๆ วัน
เพราะในหุบป่าตาด ได้เห็นร่องรอยของเต่าโบราณ และหินงอกหินย้อยที่พืชไปมีผลต่อการงอกย้อยของหินเพื่อไปหาแสงให้เห็น
เป็นที่แปลกตา ยิ่งในถ้ำพุหวาย ทั้งงูถ้ำ ค้างคาวถ้ำ กิ่งกือถ้ำ แมงมุมถ้ำ จิ้งหรีดถ้ำ (คือถ้าสิ่งมีชีวิตอยู่ในถ้ำ จะมีคำว่าถ้ำอยู่ต่อท้ายเสมอ)
หลายชนิดไม่มีตา เพราะไม่มีแสง แต่ใช้หนวดยาวๆ ยืดออกมาเพื่อดักหาอาหาร พอออกจากถ้ำพุหวาย พี่ๆ ก็ให้เด็กๆ ได้ลองปั้น
สิ่งมีชีวิตที่ตัวเองเห็นในถ้ำกันคนละตัว 2 ตัว ทำออกมาเป็น Magnet ใช้ติดตู้เย็นที่บ้านได้ (ไม่รู้เป็นไงกันบ้าง) หลังจากนั้นจึง
ชวนให้เด็กๆ ทำหินงอกหินย้อยด้วยตัวเอง ในสภาพธรรมชาติจริงๆ หินงอกหินย้อยในถ้ำ ต้องใช้เวลาหลายแสนปีเลยเชียวจึงจะได้
อย่างที่เด็กๆ เห็น พอลงมือทำด้วยตัวเองจึงได้รู้ว่ากว่าจะได้แต่ละย้อย ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
พอถึงบ้านสะนำ พี่หนึงก็แนะนำความเจ๋งของบ้านแต่ละหลังและคุณลุงคุณป้าเจ้าของบ้าน ให้เด็กๆ ได้รู้จักและเลือกไว้ในใจ
หลายกลุ่มเล็งบ้านหลังเดียวกัน เลยต้องมีวิธีจับฉลากเพื่อความยุติธรรม ตอนแรกๆ ก็ดูท่าจะวุ่นวายเพราะทุกกลุ่มอยากไปอยู่บ้าน
คุณลุงคุณป้าที่มีลำธารหลังบ้าน แต่พอเอาเข้าจริงๆ คนที่ไม่ได้บ้านลำธาร ก็ดูสนุกสนานกับบ้านที่ตัวเองไปอยู่ไม่แพ้กัน แถมว่างๆ
ก็เดินมาที่บ้านลำธาร เพื่อเล่นน้ำด้วยกันด้วยซ้ำไป อืม...เด็กๆ เขามีวิธีปรับตัวสบายแฮ
วันต่อมาทุกคนก็ไปซอกแซกเส้นทางป่าสมุนไพรของลุงคอง ปราชญ์ชาวบ้านที่บ้านอีมาด โดยมีพี่อุ๊ เจ้าหน้าที่ที่ศูนย์พัฒนาชาวเขา ช่วยเป็น
ทั้งล่ามและเป็นคนชวนเด็กให้รู้จักสมุนไพรไปด้วย แต่ก่อนจะไปเดิน เด็กก็ลงลุยดินโคลนที่น้ำหลากพามาทิ้งไว้ในบ่อน้ำจนเละหนำใจซะก่อน
ทำเอาพี่เก่ง พี่กอล์ฟ และลุงประวิณเจ้าของรถตู้ ถึงกับรำพึงกับตัวเองเล็กน้อย "รักเด็กคร้าบบ เพื่อการเรียนรู้ของเด็กคร้าบบบ"
เป็นการย้ำเตือนตัวเองเบาๆ พร้อมกับเตรียมสายยางให้เด็กๆ ได้ล้างเนื้อล้างตัวก่อนขึ้นรถ วันนี้ทั้งเก็บสมุนไพร ทั้งได้ลองทำหมอนจาก
ผ้าขาวม้าทอมือของกลุ่มแม่บ้านสะนำ ก่อนที่จะกลับไปเล่นรู้ตามละแวกบ้านพักของตัวเอง จนวันรุ่งขึ้นจึงได้เห็นจุดทีเด็ดของบ้านสะนำ
นั่นก็คือ ป่าหมากอายุ 100 ปี ที่ชาวบ้านปลูกไว้ จนเกิดระบบนิเวศน์ของป่าหมากขึ้น ดูสมบูรณ์ทั้งต้นเล็กต้นน้อย เถาวัลย์ ไม้ดอก ไม้พุ่ม
มีหลากหลาย และที่สำคัญคือ ต้นไม้ยักษ์ (คือ ต้นเซียง หรือที่บางที่เรียกว่า ต้นผึ้ง) ต้นใหญ่มากกกก ดูจากรูปค่ะ เด็กเหลือตัวนิดเดียว
พร้อมกับวิทยากร ลุงไสว นักปีนต้นหมาก สาธิตการปีนและเก็บหมากลงมาให้เด็กๆ ดู ยืนอ้าปากหวอเป็นแถวเลย ก่อนที่หลายคนลอง
ท้าทายความสามารถตัวเองดูบ้าง เสร็จสรรพก็เก็บกาบหมากมาทำงานประดิษฐ์กันที่บ้านพัก แล้วก็เดินทางต่อไปยังสำนักปฏิบัติธรรม
"แสงจันทร์แสงธรรม" เด็กๆ เห็นลำห้วยข้างๆ ที่พักก็ตาลุกวาว พี่ๆ ถึอสวิงและกระบะ พร้อมเพื่อให้น้องๆ ใช้เป็นอุปกรณ์สำรวจกันเต็มที่
แล้วจึงขึ้นมาอาบน้ำล้างตัว และลงมือทำอาหารทานกัน เป็นอย่างที่คาด อาหารฝีมือเด็กทำไม่มีเหลือ ก่อนที่ค่ำคืนแห่งปฏิบัติการ
ถาม-ตอบ มีพี่เลี้ยงเป็นตัวประกันจะเริ่มขึ้น เด็กกลุ่มไหนตอบคำถามพี่หนึงได้ พี่เลี้ยงรอด ตอบไม่ได้ พี่เลี้ยง (หน้า) เลอะ
แล้ววันสุดท้ายก็มาถึง พี่ๆ ให้น้องๆ รวบรวมผลงาน และเก็บผลงาน ซ่อมแซม ชิ้นไหนยังไม่เสร็จ ก็หยิบจับออกมาทำต่อ ใครบางคน
เหลือบไปเห็นบ่อน้ำริมศาลา แล้วเห็นพี่เก่ง พี่กอล์ฟ ลงเล่น ท่าทางจะได้เรื่อง ไม่ช้า ตัวก็เปียกมะล่อกมะแล่กกันเป็นทิวแถว ได้เวลาขึ้นรถ
จึงได้ล้างเนื้อล้างตัว ส่วนพี่ๆ ทีมสถานที่ก็ถึงเวลาต้องช่วยกันล้างศาลาเพราะเด็กๆ ควักโคลนปาเล่นกันริมศาลาเดี๋ยวหลวงพ่อจะดุเอา
แล้วจุดนัดหมายสุดท้ายก็คือ ตลาดสามชุก จ.สุพรรณบุรี ก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพฯ กันโดยสวัสดิภาพ
|