เหตุการณ์/กิจกรรมที่เกิดขึ้น ออกเดินทางตอนกลางคืนวันที่ 10 ก.ค. ถึงที่พัก “เขามะกอกฟาร์มสเตย์” ประมาณสี่ทุ่มก็แยกย้ายกันเก็บสัมภาระตามเต็นท์ ที่พักเป็นเต็นท์หลังใหญ่แต่นอนได้ 2-3 คน ด้านหน้าของเต็นท์มีพื้นที่สำหรับไว้นั่งชมวิวหรือห้องห้องนั่งเล่นเล็กๆที่มีโต๊ะตัวเล็กตั้งคู่กับเก้าอี้ไม้สองตัว อีกส่วนหนึ่งของเต็นท์เป็นห้องนอนที่มีเตียงนอนเดียวสองเตียงตั้งข้างใน มีโต๊ะหัวเตียงคั้นกลาง ดูแล้วเหมือนอยู่ในโรงแรมเลย หลังจากเก็บสัมภาระ อาบน้ำกันเรียบร้อยก็มารวมพลกันที่ที่ทานอาหาร เพื่อที่จะฟังลุงอ๋อยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพื้นที่ที่เรามาทริปครั้งนี้ซึ่งใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง จากนั้นแยกย้ายกันไปนอน 11 ก.ค.: เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปดูการสาธิตรีดนมวัว พี่ประกิตเป็นเจ้าของฟาร์มนี้ซึ่งเป็นคนอธิบายเรื่องราวของฟาร์มนม ฟาร์มนี้เป็นแหล่งผลิตนม bed time ซึ่งจะรีดนมวัวช่วงแรกตอนตีสามเพราะช่วงเวลานั้นสารเนลาโทนินจะไม่โดนแดดและไม่สูญสลายไป (สารเนลาโทนินจะหายไปหากโดนแสงอาทิตย์) น้องๆหลายคนสนใจอยากจะมาดูพี่ประกิตรีดนมวัวตอนตีสาม จากนั้นพี่ประกิตให้ตัวแทนน้องสี่คนได้รีดนมวัว จากนั้นเดินกลับมายังที่พักเตรียมตัวไปล่องแก่งที่ลำน้ำมวกเหล็กเพื่อตามหาตัวตะกอง อาหารเช้าที่ทานเป็นข้าวต้มร้อนๆกินคู่กับหมูผัดกับหนำเลียบ ผัดหัวไชโป๊และไก่ผัดขิง เมนูเด็ดของเช้านี้คือ นมสดร้อนๆที่มาจากฟาร์มทานคู่กับปาท่องโก๋ การล่องแก่งครั้งนี้เป็นการมาตามหาตัวตะกองซึ่งเมื่อคืนลุงอ๋อยได้เล่าเรื่องตัวตะกองให้ฟังบ้างแล้ว วันนี้เลยพาน้องๆมาดูตัวจริง มีเรือยางขนาดกลางนั่งได้ห้าคน (รวมคนเรือด้วย) ลงเรือได้ไม่ถึงห้านาที คนเรือก็ชี้ให้ดูตัวตะกองตัวแรกที่ออกจะมองเห็นยากเพราะมีกิ่งไม้บัง ทุกคนดูตื่นเต้นมาก พอล่องเรือไปอีกสักพักก็เจอตะกองอีก แต่เรือบางลำก็อาจจะพลาดไม่เห็นตะกองหลายตัว เพราะบางทีคนเรือก็เอาเรือไปกระแทกกับชายฝั่งเพราะเบรกเรือไม่อยู่ เลยเป็นที่น่าเสียดายสำหรับน้องบางคน ระหว่างที่ล่องแก่งก็จะมีขั้นบันไดน้ำสูงบ้างต่ำบ้างไว้สร้างความตื้นเต้นสนุกๆด้วย เราล่องมาถึงปลายทาง ระหว่างที่รอรถมารับกลับ เต้ บอล ต๊อบ ฟีน เก่ง เต่า วิทย์ แอน หยิน แก้ว และจูนก็กระโดดลงเล่นน้ำใสๆเย็นๆในลำน้ำมวกเหล็ก ดูน้องๆสนุกสนานกันมากดำผุดดำว่ายกันใหญ่ มองไกลๆเห็นหัวดำเป็นจุดๆ ดูไปดูมาคล้ายตัวตะกองเหมือนกัน จากนั้นนั่งรถแบบเปียกๆไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อยซึ่งลุงอ๋อยอยากให้น้องๆ ได้เห็นถึงการใช้ประโยชน์ของลำน้ำมวกเหล็ก วันที่ไปคนไม่ค่อยเยอะมากแม้จะเป็นวันเสาร์ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเพิ่งจะผ่านช่วงวันหยุดยาวมา ลานจอดรถเลยดูบางตาไป ที่ทางเขาไปยังน้ำตกมีป้ายติดไว้ว่า “ห้ามนำอาหารเข้าไปรับประทาน” แต่ก็เห็นกลุ่มคนถืออาหารเข้าไปทานกันมากมาย โดยเฉพาะริมน้ำตกที่มีลานกว้าง มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาถือเป็นทำเลทองสำหรับนั่งทานอาหารริมน้ำ ที่แปลกประหลาดมากเลยคือ มีครอบครัวหนึ่งกำลังทำหมูกระทะกิน มีหนุ่มสาวเล่นน้ำตกกันจำนวนมากดูคึกคัก ขากลับระหว่างที่เดินออกจากน้ำตก สังเกตเห็นทางด้านซ้ายของทางออกมีถังขยะจำนวนมากตั้งเรียงรายกัน ตอนกลางวันเรามาทานข้าวกลางวันที่ “มวกเหล็ก ATV” ซึ่งเราจะใช้สถานที่นี้กันทำกิจกรรมในตอนบ่าย อาจจะเนื่องด้วยจำนวนคนที่มาสั่งข้าวเยอะมากทำให้อาหารที่สั่งได้ล่าช้ามาก น้องบางคนเลยไปทำกิจกรรมที่เราจัดไว้ให้เลือกสามอย่างคือ ปีนหน้าผาจำลอง โรยตัวหรือขับ ATV ซึ่งสามารถเลือกไว้ได้สองในสามอย่าง ระหว่างนั้นอาหารที่สั่งก็เริ่มได้บ้าง ใครได้แล้วก็กินแล้วก็ไปทำกิจกรรม ดูน้องๆสนุกกับกิจกรรมทุกอย่าง น้องๆหลายคนสามารถปีนหน้าผาไปจนถึงจุดสูงสุด แม้จะไปต่อไม่ไหวแต่ก็พยายามไปให้ถึงเพราะได้(แรง)เสียงกดดันจากเพื่อนๆที่อยู่ข้างล่าง หลายๆคนทำกิจกรรมครบทั้งสองอย่างก็มานั่งรอเพื่อนที่เหลือที่ร้านอาหาร ส่วนพี่ๆที่ยังอยากทำกิจกรรมด้วยก็หนีไปเล่นบ้าง เสร็จกิจกรรมที่มวกเหล็ก ATV เดินทางไปยังไร่องุ่นสิรวัฒน์ ลงจากรถก็เห็นน้องๆรุมที่โต๊ะที่มีพายองุ่นและพวงองุ่น มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับไร่องุ่น การเลือกองุ่น น้องบางคนก็ตั้งใจฟัง บางคนก็ตั้งใจกิน องุ่นที่ปลูกที่นี่เป็นพันธุ์ black peal ลูกจะมีขนาดเล็กกว่าองุ่นแดงที่ขายในห้าง ดูชักชวนให้น่าเด็ดลูกออกจากพวงมาใส่ปากจริง ชิมพาย ชิมองุ่นกันไปมากเลยซื้อองุ่นสดๆที่เพิ่งตัดไปเป็นของฝากกัน กลับมาถึงที่พักแบบอิ่มๆก็แยกวงสนทากลุ่มย่อยกันตามจุดต่างๆในที่พัก หลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนกันยกใหญ่ก็มีนมอร่อยๆจากร้านแดรี่โฮมมาให้ดื่มกันก่อนนอน หลังจากที่บางกลุ่มจบการพูดคุยกลุ่มย่อย (ยกเว้นกลุ่มของลุงอ๋อยที่ยังไม่จบง่ายๆ) ก็มีพายุฝนกระหน่ำมา ทำให้แต่ละคนวิ่งหนีแทบไม่ทัน 12 ก.ค.: กิจกรรมสำรวจถ้ำพระโพธิ์สัตว์ มีพี่กื้อซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการสำรวจถ้ำจะพานำทาง จบด้านภูมิศาสตร์มาและมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องการสำรวจธรรมชาติ พี่กื๋อผ่านการทำงานวิจัยเกี่ยวกับถ้ำมามาก ร่วมงานกับชาวต่างชาติมาเยอะและเคยนำทีมชาวไทยไปพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก... ยอดเขาเอเวอเลสต์... ดังนั้นแล้วพวกเราเชื่อในฝีมือของพี่กื๋อได้แน่นอน ความรู้ที่พี่กื๋อให้กับเราก็นับว่ามีประโยชน์และมีความรู้มาก ถือเป็นความรู้แปลกใหม่ ก่อนจะเข้าถ้ำต้องมีการเตรียมพร้อมในระดับสูงสุด คือ มีหมวกซึ่งหมวกที่ให้ใส่เป็น hamlet เหมือนกับหมวกที่วิศวกรใส่เวลาเข้าไปใน side งาน มีถุงมือให้ใส่และไฟฉายติดหัวและเหน็บแบตเตอรี่ไว้ข้างเอว กว่าจะใส่หมวก ใส่ถุงมือ เตรียมตัวกันก็ดูวุ่นวายกันเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปที่ปากทางเข้าถ้ำ ทุกคนตื่นตาตื่นใจกันปากทางเข้าที่มีขนาดใหญ่มาก จะลงไปปากถ้ำก็ต้องปีนลงไป พี่กื๋อหยุดรอและอธิบายสภาพถ้ำให้ฟัง แล้วเราก็เริ่มต้นการเดินทาง เดินเข้าไปไม่ไกลก็ต้องเดินลุยน้ำกัน ถึงน้ำที่เดินลุยจะดูขุ่นแต่น้ำเย็นมาก รู้สึกถึงน้ำที่ไหลเข้ามาในรองเท้าผ้าใบ เดินไปอีกนิดก็ต้องลอดรูที่มีขนาดเล็กพอดีตัว น้องบางคนอย่างบอลที่ลอดไม่ได้ก็ต้องปีนขึ้นซึ่งก็ทุลักทุเลาพอควร การเดินสำรวจถ้ำนึกว่าจะเดินกันง่ายๆสบายๆเพราะทางเดินบางจุดก็ราบเรียบไม่มีอะไรเลย ก็มีแต่หินก้อนๆเรียงรายบนพื้นซึ่งก็ต้องเดินอย่างระวังไม่อย่างนั้นลื่นหัวฟาดหินแน่ๆ แต่บางจุดนี้ก็ทรหดเลยทีเดียว จุดที่ทำให้ทุกคนชะลอการเดินคือจุดที่มีหินยื่นออกมาและด้านล่างเป็นแอ่งน้ำที่ไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน บางคนเลือกที่จะเดินลุยน้ำไปก็มี บางคนใช้วิธีโอบหินที่ยื่นออกมา บางคนใช้วิธีการปีนขึ้นไปบนหิน คงจะทุลักทุเลาและสาหัสสำหรับทุกๆคน ระหว่างที่เดินไปในถ้ำ สังเกตเห็นหินในบางจุดของถ้ำถูกเคลือบไปด้วยโคลนสีน้ำตาลที่ดูคล้ายกับสีของช็อกโกแลต และก็มาถึงจุดหนึ่งภายในถ้ำที่พี่กื๋อให้เราทุกคนปิดไฟฉาย เพื่อที่จะได้สัมผัสว่าความมืดในถ้ำเป็นอย่างไร ทันทีที่ไฟดวงสุดท้ายดับลง ทุกอย่างก็มืดสนิท สนิทจริงๆราวกับหลับตาทั้งๆที่ลืมตาอยู่ แม้จะลืมตาแล้วก็ยังมองไม่เห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า มันเป็นความมืดที่ไม่เคยประสบมาก่อน...อย่างนี้ถึงจะเรียกว่ามืดสนิท สุดท้ายเราเดินมาถึงปากทางออก จริงๆพี่ staff มวกเหล็ก ATV บอกว่าเราเดินย้อนเส้นทางกันมา จริงๆแล้วคนที่มาจะเข้ามาทางที่เราออก ทางออกของเราเลยดูลำบากกว่าตอนเข้ามาที่ต้องปีนหินปีนดินขึ้นไปบนปากถ้ำเรียกได้ว่า กิจกรรมปีนหน้าผาจำลองที่ให้เล่นกันเมื่อวานนี้มีประโยชน์จริงๆ และจริงๆแล้วหากปริมาณน้ำไม่สูงมากเราก็คงได้เดินลุยน้ำออกไปอีกทาง (ทางที่ไม่ต้องปีนออกไป) ก่อนจะเข้าที่พักเราแวะไปดูน้ำผุดที่เป็นต้นน้ำของลำน้ำมวกเหล็ก จากนั้นกลับที่พัก อาบน้ำล้างตัว เก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ระหว่างที่รอรถตู้มารับพี่แบดเลยอาศัยเวลาว่างนั้นเฉลยเกมที่ให้น้องๆเล่น ข้อความที่น้องๆได้รับก็มีแตกต่างกันออกไปแต่ก็ไม่ผิดเพี้ยนมากนัก สุดท้ายพี่แบทเลยให้จิ๋งเฉลยเพราะจิ๋งเป็นคนรับข้อความจากพี่แบทคนแรก จากนั้นลุงเลยชวนคุยกลุ่มย่อย คุยกันว่าวันนี้รู้สึกกันอย่างไรบ้าง กิจกรรมสุดท้ายของทริปที่แสนที่เหนื่อยล้านี้คือการพูดคุยกับลุงตั้ม เจ้าของร้านแดรี่โฮมที่น้องๆชื่นชอบกันมาก ลุงตั้มมาเล่าให้ฟังว่า เริ่มกิจการได้อย่างไรและมีวิธีการดำเนินกิจการอย่างไร ไม่รู้ว่าน้องๆเหนื่อยกันหรือลุงตั้มพูดยาว น้องๆเลยมีท่าทีเหนื่อยๆเหมือนจะหลับกันซึ่งบางคนก็แอบงีบไปแล้ว พอลุงตั้มบอกว่า ไปกินข้าวได้ ทุกคนก็ตื่นเลยทันที เราได้สเต็กและไอศกรีมอภินันทนาการจากลุงตั้ม กินกันอย่างเอร็ดอร่อยมาก
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
1. น.ส.ธนันดา เทพสิงห์ (แก้ว) สาขานิเทศศาสตร์ เอกวิทยุและโทรทัศน์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ปี3) มหาวิทยาลัยศิลปากร