เหตุการณ์/กิจกรรมที่เกิดขึ้น 8 ก.ย.: ก่อนเดินทางเข้าไปบ้านลุงชาติ ลุงอ๋อยพาแวะชมโรงงานหินอ่อน เราเดินเข้าไปเห็นบ่อขุดลึกลงไป ผนังของบ่อคือหินอ่อน ก้นบ่อคือน้ำสีเขียวมรกต ลุงอ๋อยชวนน้องยืนคุยกันบริเวณเหนือบ่อ ชี้ชวนให้ดูลักษณะทางกายภาพของบ่อ จากนั้นก็ชวนกันเดินลงไปที่ก้นบ่อ เดินลงไปมีเครื่องตัดหินอ่อนขนาดใหญ่ตั้งทิ้งร้างไว้ เจ้าของโรงงานบอกว่าตอนนี้ขาดคนงาน 4 คน และกิจการหินอ่อนก็ไม่ค่อยจะดีมากนัก ที่ก้นบ่อ เราเดินเข้าไปสัมผัสเนื้อหินอ่อนแท้ก่อนที่จะผ่านการขัดเกลา เราสำรวจอยู่นานพอควร พอขึ้นมาจากบ่อก็มาเจอเจ้าของโรงงานที่แต่งตัวไม่เหมือนเจ้าของธุรกิจพันล้าน เจ้นุ่งผ้าถุง เสื้อเชิ้ตแขนยาว สวมหมวกปีกกว้าง ลุงอ๋อยบอกว่า นี้แหละที่สามารถส่งลูกชายเรียนที่โรงเรียนอีตันได้ จากนั้นเราเดินไปดูโรงงานตัดหิน เป็นโรงขนาดใหญ่แต่ฟุ้งไปด้วยฝุ่นผงของหิน เดินอ้อมไปทางด้านหลังมีเศษหินอ่อนที่ถูกขัดเกลาอย่างสวยงามกองเป็นภูเขาสูงอยู่สองสามกอง มีน้องๆถามว่า เศษหินเหล่านี้เอาไปทำอะไร ก็ได้คำตอบมาว่า เอาไปถมที่!! เราเดินไปดูอีกโรงงานที่มีคนงานกำลังตัดหินก้อนใหญ่ๆที่มีรูปร่างบูดเบี้ยวให้กลายเป็นหินก้อนสี่เหลี่ยมจตุรัตที่มีเหลี่ยมสวยงาม ข้างหลังโรงนี้ก็มีเศษหินกองเป็นภูเขาลูกใหญ่กว่ากองข้างหน้าอีก เมื่ออิ่มหนำกับการชมโรงงานหินอ่อน (และสูดดมฝุ่นผง) ก็ออกเดินทางไปบ้านลุงชาติ เราเดินทางมาถึงบ้านลุงชาติใกล้ๆเวลาบ่ายสามกว่าๆ ทยอยกันขนสัมภาระจากรถไปบริเวณห้องครัว เนื่องจากบ้านลุงชาติมีห้องพักไม่พอ ทริปครั้งนี้เราเลยกางเต้นท์นอนกัน เราเอาของไปวางรวมกันที่ห้องอาหาร บริเวณที่เราทำกิจกรรมเป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องอาหาร ลุงชาติไม่รอช้าที่จะเริ่มกิจกรรม ลุงชาติแนะนำตัวกับน้องๆและน้องๆก็แนะนำตัวกับลุงชาติเช่นกัน มีการพูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มกิจกรรม this is a book ต่อไป กิจกรรมนี้เป็นการให้น้องๆและพี่ๆเอาหนังสือที่ประทับใจมาโชว์ให้เพื่อนดูกัน และหากใครชอบเล่มไหนของใครและอยากยืมกันอ่านก็อาจจะมีการแลกกันไป ลุงชาติก็เอามาโชว์ให้ดูเหมือนกันชื่อเรื่อง “คนปลูกต้นไม้” เพิ่งจะเริ่มต้นคุยกันไม่เท่าไหร่ ฝนก็โปรยเม็ดลงมา เราเลยขยับจากที่นั่งข้างนอกมานั่งข้างใน คุยกันไปสักพัก ฝนก็กระหน่ำเทเม็ดลงมาและมีลมพัดแรง หลังทานอาหารเย็น ลุงชาติพูดถึงหลักการเขียนแบบปฏิบัติกันได้อย่างง่ายๆว่า การที่จะเขียนเรื่องเรื่องหนึ่ง ควรจะต้องทำอย่างไรบ้างซึ่งฟังแล้วคิดว่าเป็นข้อปฏิบัติที่ควรทำอย่างยิ่ง อย่างเช่น การคิดโครงเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบที่ควรจะคิดไปถึงตอนจบเลยว่าจะเป็นอย่างไร ระหว่างพูดคุยก็มีน้องซักถามเป็นระยะๆแล้วแต่ความสนใจของแต่ละคน เราพูดคุยกันนานพอสมควร จนถึง 21.30 น. ก็หมดเวลาของการพูดคุย ลุงชาติให้ดูวีดีโอการทำนาที่ลุงชาติถ่ายไว้ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องของหมาทำนา (โกลเด้นรีทรีเวอร์ตัวโตกระโดดลงแปลงนา) และการเริ่มต้นทำนาตั้งแต่ดำนาจนถึงเกี่ยวข้าว แม้จะไม่ได้ชัดเจน เพราะมักจะมีเพื่อนลุงชาติและหมาของลุงชาติอยู่ในวีดีโอซะส่วนใหญ่ แต่ก็ดูแล้วสนุกสนาน สุดท้ายของค่ำคืนลุงชาติฝากการบ้านให้น้องๆทำในตอนเช้าคือ ให้หาหัวข้อข่าวที่สนใจมาหนึ่งหัวข่อ จากนั้นให้แต่งเรื่องขยายความต่อไปอีก 9 ก.ย.: เช้าวันรุ่งขึ้น น้องๆเริ่มตื่นกัน พี่แบดและพี่หนิงเลยชวนน้องๆไปเดินรอบๆบ้านลุงชาติ แล้วกลับมาทานอาหารเช้า เป็นอาหารเช้าแบบตะวันตกและข้าวต้มที่ร่ำลือกันว่าอร่อยมาก เช้าของวันนี้ กิจกรรมเป็นแบบสบายๆไม่เร่งรัดอะไรเพราะลุงชาติได้ให้การบ้านไว้กับน้องๆเมื่อคืน มาเช้านี้น้องๆเลยนั่งทำการบ้านในห้องอาหารกัน อาจจะมีบางคนที่แยกออกไปนั่งที่อื่นแต่ส่วนมากจะนั่งในห้องอาหาร ทุกคนดูคร่ำเคร่งกับการเขียน พอถึงช่วงเวลากลางวัน พี่ๆชวนทานข้าวก็ไม่ทานกัน ตอนบ่ายหลังจากเขียนเสร็จ ลุงชาติก็มาชวนคุยกันถึงปัญหาของการเขียน น้องๆก็มีปัญหาการเขียนแตกต่างกันออกไปซึ่งลุงชาติก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา เสร็จการพูดคุย ลุงชาติเลยถามว่ามีใครเขียนเรื่องเสร็จไหม มีจิ๋งกับบับเบิ้ลที่เขียนจบ ลุงชาติเลยให้สองคนพลัดกันอ่านของเพื่อนและอ่านออกเสียงให้เพื่อนทุกคนฟัง เมื่อเรื่องจบลงก็ให้มีการพูดถึงเรื่องสั้นที่เขียน จบการพูดคุยกับลุงชาติ เราถ่ายรูปรวมกันและน้องๆก็มอบคำขอบคุณของทุกคนที่เขียนลงในกระดาษ A4 ให้ลุงชาติ
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
1. น.ส.ธนันดา เทพสิงห์ (แก้ว) สาขานิเทศศาสตร์ เอกวิทยุและโทรทัศน์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ปี3) มหาวิทยาลัยศิลปากร